ประวัติ คดีแม่มดแห่งชาเล็ม

      คดีแม่มดแห่งชาเล็ม  การไต่สวนสุดดำมืดในประวัติศาสตร์อเมริกาการแต่งสวนที่อิจฉาที่สุดครั้งหนึ่งเกี่ยวกับแม่มดเกิดขึ้นระหว่างปี 1692 ถึง 1693 ที่เมืองซาเล็มรัฐแมสซาชูเซตส์ประเทศสหรัฐอเมริกา

ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้อพยพชาวอังกฤษเข้าปกครองตนเองโดยมีศูนย์กลางของชุมชนอยู่ที่โบสถ์และดำเนินชีวิต  

         ด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งเหนือธรรมชาติต่างๆในแผ่นดินไหวนี้ทั้งการระบาดของไข้ทรพิษและความกลัวต่อการโจมตีจากชนเผ่าอินเดียนแดงพื้นเมืองบรรยากาศตึงเครียด

พร้อมสำหรับการหาแพะรับบาปเหตุการณ์แต่ส่วนครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีเด็กสาวในหมู่บ้านคนหนึ่งเริ่มมีอาการชักส่งเสียงกรีดร้องโวยวายว่าถูกเข็มแทงและเจ็บตามร่างกายตามมาด้วยเด็กสาวอีก 2 คน

ทั้งหมดตะโกนคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาบาทหลวงและหมอต่างพากันหวาดวิตกและผู้คนในสมัยนั้นยังมีความรู้ความเข้าใจด้านการแพทย์ที่น้อยจึงสรุปว่าเด็กทั้ง 3 คนนั้นโดนคำสาปของแม่มด

         ปฏิบัติการล่าแม่มดจึงเริ่มเปิดฉากขึ้นโดยให้เด็กๆชี้ตัวผู้ต้องสงสัยเจ้าหน้าที่สอบสวนก็เริ่มไปเยือนบ้านทีละหลังชาวเมืองล้วนเกิดความหวาดกลัวและระแวง

ซึ่งกันและกันต่างคนต่างพากันชี้ตัวแม่มดเพื่อให้ตนเองพ้นความผิดจนภายหลังนั้นทุกคนก็ใช้การล่าแม่มดเป็นเครื่องมือในการกล่าวหาและกำจัดขนที่แตกต่างจากพวกตนคนเร่ร่อนไปจนถึงคนที่เกลียดกันเองสรุปทั้งสิ้นมีผู้ถูกจับข้อหาเป็นแม่มดทั้งหมดกว่าร้อยคนมีทั้งผู้หญิงและชายและ 16 คนถูกประหารชีวิต

     เรื่องไปถึงผู้ว่าการรัฐ williams Live เขาจึงห้ามไม่ให้นำหลักฐานที่เรียกว่าหลักฐานความฝันและนิมิตมาใช้จ่ายสูงสุดตัดสินลงโทษจำเลยเพียง 3 คนจาก 56 คนซึ่งซิปก็อภัยโทษให้ทั้ง 3 คนพร้อมนักโทษอีก 5 คนที่กำลังรอการประหารชีวิตกระทั่งเดือนพฤษภาคมปี 1693 พูดถูกใจส่วนทุกคนได้รับการตัดสินว่าไม่มีความผิดและถูกปล่อยตัวไปการไต่สวนล่าแม่มดแห่งซาเล็มจึงปิดฉากลงในที่สุด

      ปัจจุบันนี้เมืองซาเล็มกลับขึ้นมามีชีวิตชีวาเป็นแหล่งศูนย์รวมของผู้คนที่ชื่นชอบเรื่องไสยศาสตร์ลี้ลับเวทมนตร์ต่างๆดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างไม่ขาดสายโดยเฉพาะที่สุสานของเมืองซึ่งที่นี่มีอนุสรณ์สถานการล่าแม่มดแห่งปี 1692 เป็นหลานย่าปลูกต้นไม้ 19 ต้นแทนผู้ที่ถูกประหารด้วยการแขวนคออยู่ข้างสุสานเคหาสน์แม่มดสามเหลี่ยมซึ่งเป็นบ้านของผู้พิพากษาจอมแขวนคอโจนาธานขอวินเป็นอาคารเพียงแห่งเดียวที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การล่าแม่มดแห่งชาติเหลี่ยมปี 1692

โดยตรงก็ยังคงหลงเหลืออยู่ที่นี่ชาวเมืองและพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ต่างก็สวมชุดแต่งกายย้อนยุคให้เข้ากับบรรยากาศมีทัวร์เล่าเรื่องผียามค่ำคืนให้ทุกคนเดินไปตามสุสานลานประหารเก่าและมีงานเทศกาลแม่มดจัดอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงฮาโลวีนอีกด้วย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    gclub

Continue Reading

ตำนานสัตว์ลึกลับเชียงราย

สำหรับแมงสี่หูห้าตาจะจัดให้เป็นมาสคอตประจำเชียงรายเลยก็ไม่ผิดเรื่องรวของมันนี่ย้อนไปได้ถึง1,000ปีที่แล้ว ตำนานสัตว์ลึกลับเชียงราย เลยว่ากันว่าสมัยก่อนจะมีนครอยู่นครหนึ่งที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากพันธุมติ

โดยชาวเมืองส่วนใหญ่ก็จะมีชีวิตอย่างสะดวกสบายอยากกินอะไรกินอยากดื่มอะไรดื่มเพราะว่าเขามีพระราชาที่ปกครองอย่างดีมีชื่อว่าพระเจ้าพันธุมติราชและกษัตริย์องค์นี้ได้มีเมียเยอะถึง7พระองค์เลยทีเดียวและแต่ละคนนี้ก็จะแบ่งน่าที่กันดูแลชาวเมืองทำให้เขาอยู่กันได้อย่าสงบ

ซึ่งในความสงบสุขมันไม่ได้มีอยู่ทุกครัวเรือนหรอกเพราะว่าห่างออกไปจากฉายเมืองหน่อยๆก็จะมีกระท่อมไม้เก่าๆอยู่เป็นที่อยู่ของครอบครัวยากจนครองครัวหนึ่งเขาก็ได้ยึดอาชีพนี้เอาไว้เช่นขอทานนี่แหละที่เป็นอาชีพของครองครัวโดยครอบครัวนี้ก็จะมีอยู่กันเพียงแค่สองคนมีแค่พ่อกับลูกส่วนแม่ของเขาก็ได้เสียชีวิตไปแล้วตอนที่เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียงแค่4ขวบเท่านั้นเอง

โดยทั้งสองคนก็จะเดินไปตามเมืองเพื่อไปขอทานเศษข้าวจากชาวบ้านกินบ้างบางคนใจดีก็จะให้มาถ้าบางวันโชคไม่ดีหน่อยก็จะไม่ได้กินและด้วยความที่เป็นขอทานแบบนี้ก็จะเป็นเรื่องธรรมดาบ้างอาจจะโดนใครดูถูกบ้างแต่ว่าเขาก็ไม่ได้น้อยใจกับชีวิตของตัวเองเลยเพราะว่าอย่างน้อยเขาก็ยังมีพ่อที่น่ารักอยู่

ดังนั้นเด็กน้อยคนนี้ก็ได้บอกพ่อของเขาว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขานั้นไม่ใช่เงินทองหรอกแต่เป็นการที่เขานั้นได้มีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่พ่อของเด็กน้อยคนนี้เขาก็ได้สอนลูกของเขาทุกวันหากเราเป็นคนดีมีศีลธรรมสักวันฟ้าจะต้องเมตตาและชีวิตของเราก็จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนี้อยู่มาวันหนึ่งผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านก็ได้มาพบกับสองคนนี้เขาและได้เห็นหุ่นของเด็กชายคนนี้ใช้ได้เขาก็เลนจ้างให้หนุ่มน้อยคนนี้ไปดูแลวัวของเขาเพื่อเป็นการช่วยรายได้ของเขาอีกทางหนึ่งเด็กหนุ่มก็ได้ทำงานอย่างแข็งขันจนกระทั่งกลายมาเป็นที่รักของผู้ใหญ่บ้านและก็คนที่อยู่ในระแวกทำงานมาเรื่อยๆกระทั่งย่างเข้าวัยแรกรุ่น

โดยชีวิตของเขาก็เหมือนกับว่าจะเริ่มดีขึ้นแล้วแต่ทว่าข่าวร้ายก็ได้เกิดขึ้นกับชายหนุ่มขึ้นก่อนคือพ่อของเขานั้นได้ป่วยหนักและไม่ทราบสาเหตุว่าป่วยด้วยโรคอะไรแต่ที่แน่ก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นานเมื่อเขารู้ว่าจะอยู่ได้ไม่นานก็เลยเรียกลูกของเขามาสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย

 

สนับสนุนโดย.  gclub

Continue Reading

สงครามที่เกิดจากศาสนาและศิลปะ 

ก่อนหน้านี้มียุคที่เรียกได้ว่างานสปาต่างๆและในส่วนของความเชื่อของผู้คนค่อนข้างมีอิทธิพลต่อผู้คนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัวจากพระเจ้าต่างๆสิ่งที่ผู้คนต่างๆไม่สามารถอธิบายได้เป็นคำพูดหรือแม้แต่จะเป็นโครงสร้างต่างๆที่ในยุคปัจจุบันก็ยังมีงานประวัติศาสตร์หรือศิลปะต่างๆถ่ายทอดได้เห็น รูปแบบของงานศิลปะต่างๆมีหลากหลายและมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันบทเรียนต่างๆของผู้คนก็เริ่มมีการศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์

ค่อนข้างมากกว่าติศาสตร์ของงานศิลปะต่างๆหมายถึงประวัติศาสตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงว่ามนุษย์ในยุคต่างๆมีความเป็นอยู่หรือแม้แต่จะเป็นความคิดทางด้านใดบ้าง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นอยู่ของผู้คนหรือแม้แต่จะเป็นวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในยุคปัจจุบันนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงงานศิลปะต่างๆได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ระบบการติดต่อสื่อสาร หรือแม้แต่จะเป็นโครงข่ายข้อมูลต่างๆที่มีการพัฒนาและมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงข้อมูลและผู้คนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นส่งผลให้ในยุคปัจจุบันการเข้าถึงงานศิลปะต่างๆจึงเป็นเรื่องที่ง่ายอย่างยิ่ง แต่หากลองมองย้อนกลับไปสมัยก่อนหากเรามีความต้องการในการเยี่ยมชมงานศิลปะไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นสิ่งก่อสร้างต่างๆก็คงมีหนึ่งที่ที่เป็นทางด้านศูนย์รวมจิตใจของผู้คนและมีการทำงานศิลปะค่อนข้างเยอะนั่นคือสถานที่ที่เกี่ยวกับศาสนาต่างๆ

วัด โบสถ์ สถานที่ปฏิบัติธรรมต่างๆในยุคปัจจุบันเราก็จะได้เห็นรูปแบบความเป็นอยู่หรือแม้แต่จะเป็นการแสดงออกทางการศึกษาต่างๆผ่านสถานที่มากมายเหล่านี้การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและความเป็นอยู่ต่างๆจึงมีการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าโครงสร้างความเป็นอยู่ของผู้คนหรือแม้แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรมต่างๆที่มีการปรับเปลี่ยนในการพัฒนาตลอดเวลาจึงทำให้โครงสร้างของวัฒนธรรมต่างๆเหล่านี้มีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยไปด้วย

ในยุคคริสเตียนเป็นยุคที่มีการเติบโตทางด้านการสืบค้นข้างเยอะอีกทั้งยังมีความเกี่ยวเนื่องกับทางด้านศาสนาความเชื่อของผู้คน ศาสนาความเชื่อของผู้คนสมัยก่อนถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการทำสงครามมากมายยกตัวอย่างเช่นยุคมืดและยุคที่มีการล่าแม่มด ตำนานความเชื่อของผู้คนค่อนข้างรุนแรงต่างๆ ว่าด้วยการศึกษาเรื่องราวต่างๆเหล่านี้จึงพบเห็นได้ว่าสงครามที่เกิดขึ้นจากศาสนาและงานศิลปะสะท้อนให้เห็นถึงว่าความเชื่อของบุคคลมีค่อนข้างรุนแรงสิ่งที่ตัวเองนับถือ

หรือแม้แต่จะเป็นรูปแบบต่างๆที่มีความต้องการในการเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกันการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและวัฒนธรรมต่างๆเหล่านี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนาต่างๆจึงทำให้ในยุคปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงโครงสร้างความเป็นอยู่ของผู้คนหรือแม้จะเป็นวัฒนธรรมรูปแบบต่างๆ

ที่มีการพัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้จึงทำให้สงครามทั้งด้านงานศิลปะต่างๆค่อนข้างมีความรุ่งเรืองในยุคปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงต่างๆก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือแม้แต่จะเป็นโครงสร้างความเป็นอยู่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทางด้านความเชื่อและความคิดของผู้คน 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    gclub

Continue Reading

ใช้ขาตั้งกล้องแล้วไม่ต้องใช้กันสั่น

ใช้ขาตั้งกล้องแล้วไม่ต้องใช้กันสั่น ภาพต้องชัด หนึ่งในเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับกล้อง

เริ่มด้วยการที่เราจะมาพูดถึงระบบกันสั่นว่ามีไว้ทำไม แน่นอนตามชื่อมัน มันเป็นระบบที่เพิ่มเข้ามาในกล้องรุ่นใหม่ๆ ให้สามารถกันสั่นได้ คือช่วยเราได้ระดับหนึ่งแหละ อ้าว ก็มีคำถามเพิ่มขึ้นมาว่า แล้วถ้าเราใช้ขาตั้งกล้องก็ไม่ต้องใช้ระบบกันสั่นก็ได้นี่นา ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า มันเมคเซ็นมากๆที่จะคิดอย่างนั้นได้ ก็จริงๆอ่ะ เพราะว่าระบบกันสั่นไว้ช่วยแก้ปัญหามือเรา แล้วถ้าไม่ได้ใช้มือ ใช้ขาตั้งกล้องที่นิ่งมากๆอยู่แล้ว ก็ตามนั้นแหละ ใช่ครับ ต้องบอกเลยว่าเข้าใจกันถูกแล้วส่วนหนึ่ง ตามที่มันเมคเซ็นแบบนั้นเลย แบบว่าจะได้ไม่ต้องเปลื่องแบตด้วย เพราะระบบกันสั่นนี่มันก็ต้องการพลังงานเยอะอยู่นะ แต่นั้นแหละครับ อย่างที่บอก ถูกส่วนหนึ่ง แต่มันจะมีบางกรณีที่ ขาตั้งกล้องก็ยังช่วยได้ไม่พอเหมือนกัน เรามาดูกันว่าในกรณีใด

ครับอย่างที่บอก จะมีบางกรณีที่เราควรจะเข้าใจไว้ด้วยว่า มันเป็นกรณีที่ขาตั้งกล้องเอาไม่อยู่ ซึ่งส่วนมาแล้วจะเกิดขึ้นกับกล้องระบบ DSLR นั้นเอง หรือกล้องระบบเก่ายิ่งกว่านั้นพวกกล้องฟิล์ม และก็ยังกล้องพวกกล้องใหญ่ๆอย่างกล้อง medium format อีก พวกนี้ ถ้าเป็นระบบ SLR แล้วล่ะก็ แต่นอนว่าจะต้องมีบานพับกระจกกระแทกขึ้นลงเป็นปกติของระบบมันนั้นเอง ซึ่งแบบนี้จะทำให้เกิดการสั่นที่ตัวกล้องอย่างแน่นอน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของกระจกแต่ละยี่ห้อหรือแต่ละรุ่นด้วยแหละ บางตัวอาจจะเบาพอสมควร อย่างกล้องระบบ SLR ที่เป็น Medium format ละก็นะ อันนี้รุนแรงมากๆเลย ถ่ายที ยังกับมีอะไรกระแทกกันอย่างแรง จนมือสั่นเลยล่ะ เพราะฉะนั้นแล้วตรงจุดนี้ ตัวกันสั่นในกล้องก็ช่วยได้บ้าง แต่อย่างว่า ถ้ากล้องฟิล์ม รุ่นที่ยังไม่มีกันสั่นก็คงหมดหวังไป

อีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือการใช้เลนส์เทเล ที่เป็นระยะที่ไกลมากๆ แล้วถ้าแสงไม่ค่อยมีละก็ มีสิทธิ์ที่จะมีการโยกสูงมากๆ เพราะว่าระยะพวกนี้มันยาวมากๆ ในหลายๆครั้งกันสั่นจากตัวกล้องเองก็ยังช่วยไม่ไหวเลย บางสถานการณ์ก็ต้องใช้ทั้งกันสั่นกล้องและขาตั้งกล้องด้วยเลยจะยอดเยี่ยมมากๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าไม่ได้หวงเงินมาก ก็ซื้อแบตสำรองไว้แหละ ง่ายดี จะได้ไม่ได้ต้องเป็นห่วงเรื่องการปิดกันสั่น เปิดทิ้งไว้นั้นแหละ จะได้ไม่ต้องคิดมากว่าต้อนไหนปิดตอนไหนเปิดดี แต่หากอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเลนส์ อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องเลนส์

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub

Continue Reading